tag:blogger.com,1999:blog-85220083911882853012024-03-19T00:47:08.504-07:00***jaahttp://www.blogger.com/profile/10263660018305759651noreply@blogger.comBlogger22125tag:blogger.com,1999:blog-8522008391188285301.post-75688253133987127742008-09-04T00:53:00.000-07:002008-09-04T00:57:20.276-07:00การสร้าง Macro<div align="justify">1. ที่แถบทำงานให้คลิกปุ่ม Macro และที่แถบ<br />เครื่องมือคลิกไอคอน New หรือคำสั่ง<br />Create from in Design view<br />2. หน้าจอถัดไป ที่ช่อง Action ให้คลิกที่ใกล้เส้นขอบขวาจะปรากฏ List drop down ให้เลือก คำสั่ง OpenForm<br />ที่ Action Arguments<br />ในช่อง Form Name<br />ให้พิมพ์ชื่อฟอร์ม ที่ต้องการให้เปิด<br />ในตัวอย่างให้ชื่อว่า main<br />3. จากนั้นให้ ปิดหน้าจอเพื่อ Save และตั้งชื่อ Macro นี้ว่า AutoExec<br /></div>jaahttp://www.blogger.com/profile/10263660018305759651noreply@blogger.com0tag:blogger.com,1999:blog-8522008391188285301.post-56752342020420594792008-09-04T00:52:00.000-07:002008-09-04T00:53:23.745-07:00การสร้างมาโครเพื่อเปิดฟอร์มเมนูแรก<div align="justify">เราสามารถสร้างไมโครชื่อ AutoExec เพื่อใช้เรียกฟอร์มเมนูแรกเมื่อเปิดโปรแกรมได้ดังนี้<br />สร้างฟอร์มสำหรับเป็นเมนูแรกเมื่อเปิดโปรแกรม และตั้งชื่อฟอร์มนั้นไว้ ในที่นี้สมมุติว่าชื่อ Main </div><div align="justify"><br />ตัวอย่างการสร้างฟอร์มสำหรับเป็นเมนูแรกเมื่อเปิดโปรแกรม<br />1. เปิดฟอร์มใหม่ โดยคลิกที่แถบทำงาน Form และไอคอน New หรือคำสั่ง Create from in Design view<br />2. ในหน้าจอถัดไปที่ให้เลือกการสร้างฟอร์มแบบ Design View และไม่เลือก Table หรือ Query ใด ๆ<br />3. จากนั้นจะได้หน้าฟอร์มว่าง ๆ จากนั้นก็สร้างปุ่มและตัวอักษรเพื่อเป็นเมนูให้ผู้ใช้คลิกเลือกหน้าจอสำหรับทำงานในฐานข้อมูล และ save ฟอร์มไว้ที่ชื่อ main </div>jaahttp://www.blogger.com/profile/10263660018305759651noreply@blogger.com0tag:blogger.com,1999:blog-8522008391188285301.post-39486780619407192852008-09-04T00:51:00.000-07:002008-09-04T00:52:10.201-07:00การสร้างรายงาน (Report)<div align="justify">การสร้างรายงานเป็นการเอาข้อมูลจากฐานข้อมูลมาแสดงในหน้าจอและสามารถพิมพ์ออกมาเป็นเอกสารได้ การสร้างรายงานคล้ายฟอร์มคือสามารถกำหนดเงื่อนไขข้อมูลที่จะแสดงได้ แต่ไม่สามารถพิมพ์หรือแก้ไขข้อมูลได้เหมือนฟอร์ม การสร้างรายงานเช่นเดียวกับแถบทำงานอื่นๆ คือสามารถสร้างได้ 2 วิธี คือ การสร้างแบบ Wizard และการสร้างรายงานขึ้นมาเองจากหน้าจอ report design ในที่นี้จะกล่าวถึงการสร้างฟอร์มแบบ Wizard ซึ่งมีวิธีดังนี้<br />1. ที่แถบทำงานของหน้าต่างฐานข้อมูลคลิกที่ปุ่ม Report จากนั้นดับเบิ้ลคลิกที่ Create report by using wizard </div><div align="justify">2. ในหน้าจอถัดไปให้คลิกเลือกตารางหรือคิวรีที่ต้องการนำมาทำรายงาน<br />3. หน้าจอถัดมาให้เลือกว่าจะเรียงข้อมูลในรายงานจัดกลุ่มตามฟิลด์ใด<br />4. หน้าจอถัดไป สามารถเลือกการเรียงข้อมูลจากน้อยไปหามาก (Ascending) หรือจากมากไปหาน้อย (Descending) กำหนดเสร็จแล้ว<br />คลิกปุ่ม Next<br />5. หน้าจอถัดไปให้เลือกรูปแบบของรายงานว่าต้องการ Layout แบบใด และให้เลือกสไตล์ของรายงาน สุดท้ายให้ตั้งชื่อรายงาน เมื่อเลือกแล้วกดปุ่ม Finish เป็นอันว่าเสร็จ<br />6. ในรายงานนี้สามารถปรับแต่งได้โดยคลิกที่ปุ่ม Design </div>jaahttp://www.blogger.com/profile/10263660018305759651noreply@blogger.com0tag:blogger.com,1999:blog-8522008391188285301.post-86743714539023332932008-09-04T00:50:00.000-07:002008-09-04T00:51:22.445-07:00การบันทึกข้อมูลไฟล์หรือรูปภาพ ในคอนโทรล OLE Object<div align="justify">การบันทึกข้อมูลไฟล์หรือรูปภาพในหน้าจอของฟอร์มในมุมมองของ Form view มีขั้นตอนดังนี้<br />ในตารางข้อมูลที่จะใส่ไฟล์หรือรูปภาพต้องมี data type เป็น OLE Object </div><div align="justify"><br />เมื่อเปิดฟอร์มเพื่อพิมพ์บันทึกข้อมูล คลิกเลือกที่กรอบ และไปที่เมนูบาร์แล้วคลิก Insert เลือกคำสั่ง Object<br />หน้าจอให้เลือกแหล่งของ Object ให้เลือก Create from File และคลิกปุ่ม Browse ไปยังไฟล์หรือภาพเพื่อให้เราเลือกตามที่ต้องการ<br />(หมายเหตุ: กรณีที่บันทึกไฟล์รูปภาพ อาจใช้วิธีคลิกเปิดภาพนั้นขึ้นมาก่อน จากนั้นก็ copy และไป paste ใส่ในกรอบในฟอร์มบันทึกข้อมูล เพราะหาก browse ไฟล์ไปบันทึก การเรียกดูข้อมูลจะต้องดับเบิ้ลคลิกเพื่อเปิดไฟล์ภาพทุกครั้ง) </div>jaahttp://www.blogger.com/profile/10263660018305759651noreply@blogger.com0tag:blogger.com,1999:blog-8522008391188285301.post-35009784744959073602008-09-04T00:49:00.000-07:002008-09-04T00:50:25.827-07:00การสร้างฟอร์ม (Form)<div align="justify">ฟอร์ม (Form) เป็นเครื่องมือหรือ Interface สำหรับผู้ใช้ติดต่อทำงานกับข้อมูลในตารางได้อย่างสะดวก และเพิ่มความสวยงามให้กับโปรแกรมที่เราสร้างขึ้นโดยอาจใส่ภาพประกอบได้ด้วย การสร้างฟอร์มขึ้นมาเองจากหน้าจอ Form design ในที่นี้จะกล่าวถึงการสร้างฟอร์มแบบ Wizard ซึ่งมีวิธีดังนี้<br />1. ที่แถบทำงานของหน้าต่างฐานข้อมูล คลิกที่ปุ่ม Form จากนั้นดับเบิ้ลคลิกที Create form by using wizard<br />2. ในหน้าจอถัดไปให้คลิกเลือกตารางหรือคิวรีที่ต้องการนำมาทำฟอร์ม </div><div align="justify">3. จากนั้นให้คลิกเลือกฟิลด์ข้อมูลที่จะให้มีในฟอร์มในช่อง Available field คลิกปุ่ม > เพื่อย้ายไปอยู่ในช่อง Selected fields หรือคลิกปุ่ม >> ถ้าต้องการทั้งหมด และคลิกปุ่ม Next<br />4. จากนั้นให้เลือก Layout ของฟอร์มที่ต้องการและคลิกปุ่ม Next<br />5. หน้าจอถัดไปให้เลือกสไตล์ของฟอร์มที่ต้องการและคลิกปุ่ม Next<br />6. หน้าจอถัดไปให้พิมพ์ชื่อฟอร์ม และคลิกปุ่ม Finish เป็นอันเสร็จสิ้น </div>jaahttp://www.blogger.com/profile/10263660018305759651noreply@blogger.com0tag:blogger.com,1999:blog-8522008391188285301.post-10685895865775229852008-09-04T00:47:00.000-07:002008-09-04T00:49:09.399-07:00การสร้าง Query แบบ Select<div align="justify">.....เป็นการกรองเอาเฉพาะข้อมูลที่ต้องการออกมาจาก Table โดยคิวรีสามารถดึงข้อมูลได้มากกว่า 1 ตาราง สามารถสร้างฟิลด์ที่มีการคำนวณได้ และสามารถเลือกได้ว่าจะให้แสดงหรือซ่อนฟิลด์ไหนได้<br />การสร้างคิวรีโดยไม่ใช้ Wizard มีวิธีทำดังนี้<br />1. ที่แถบทำงานของหน้าต่างฐานข้อมูลคลิกที่ปุ่ม Query และดับเบิ้ลคลิกที่ Create query in Design view<br />2. จะปรากฏหน้าจอรายชื่อของตารางทั้งหมด ให้คลิกเลือกตารางที่ต้องการและคลิกปุ่ม Add จนครบตารางที่ต้องการทำคิวรีทั้งหมด จากนั้นคลิกปุ่ม Close </div>jaahttp://www.blogger.com/profile/10263660018305759651noreply@blogger.com0tag:blogger.com,1999:blog-8522008391188285301.post-26517607273734711802008-09-04T00:46:00.000-07:002008-09-04T00:47:45.341-07:00Relationship<div align="justify">การกำหนดความสัมพันธ์ (Relationship) ระหว่าง Table<br />1. ปิดหน้าต่าง Table ทั้งหมด ให้เปิดอยู่เฉพาะหน้าต่างฐานข้อมูล<br />2. ไปที่เมนูบาร์เลือก Tools--> Relationship หรือคลิกที่ไอคอน โปรแกรมจะแสดงรายชื่อ Table ขึ้นมาให้เลือกว่าต้องการจะกำหนดความสัมพันธ์ให้กับ Table ใดบ้าง ให้<br />3. คลิกเมาส์ขวาบนพื้นที่ว่างของหน้าจอ Relationship<br />แล้วเลือก Show Table<br />4. จะได้หน้าต่างแสดงรายชื่อ Table ทั้งหมด<br />ให้คลิกเลือก และคลิกปุ่ม Add<br />5. จะได้รูป Table ให้คลิกลากชื่อฟิลด์ไปยังฟิลด์<br />อีกตารางหนึ่งเพื่อแสดงความสัมพันธ์กัน </div>jaahttp://www.blogger.com/profile/10263660018305759651noreply@blogger.com3tag:blogger.com,1999:blog-8522008391188285301.post-91507811102289039592008-09-04T00:45:00.001-07:002008-09-04T00:46:28.985-07:00การเปิดตารางเพื่อแก้ไข<div align="justify"><span style="font-family:georgia;">การเปิด Table เพื่อแก้ไข<br />1. คลิกที่แถบทำงาน Table ในหน้าจอฐานข้อมูล<br />2. คลิกเลือกที่ชื่อของ Table ที่ต้องการเปิดและคลิกเมาส์ขวาเพื่อเลือกคำสั่ง<br />- ถ้าเปิดเพื่อคีย์หรือแก้ไขข้อมูลให้เลือกคำสั่ง Open หรือดับเบิ้ลคลิกที่ชื่อ Table<br />- ถ้าเปิดเพื่อแก้ไขโครงสร้าง Table ให้เลือกคำสั่ง Design view<br />นอกจากนี้เมื่อเปิดแล้วสามารถสลับหน้าต่างระหว่าง View และ Design view ของ Table ได้โดยคลิกที่คำสั่ง View ที่เมนูบาร์เพื่อเลือกดู View หรือ Design view </span></div>jaahttp://www.blogger.com/profile/10263660018305759651noreply@blogger.com0tag:blogger.com,1999:blog-8522008391188285301.post-80775548817478917872008-09-04T00:45:00.000-07:002008-09-04T00:46:24.658-07:00การเปิดตารางเพื่อแก้ไข<div align="justify"><span style="font-family:georgia;">การเปิด Table เพื่อแก้ไข<br />1. คลิกที่แถบทำงาน Table ในหน้าจอฐานข้อมูล<br />2. คลิกเลือกที่ชื่อของ Table ที่ต้องการเปิดและคลิกเมาส์ขวาเพื่อเลือกคำสั่ง<br />- ถ้าเปิดเพื่อคีย์หรือแก้ไขข้อมูลให้เลือกคำสั่ง Open หรือดับเบิ้ลคลิกที่ชื่อ Table<br />- ถ้าเปิดเพื่อแก้ไขโครงสร้าง Table ให้เลือกคำสั่ง Design view<br />นอกจากนี้เมื่อเปิดแล้วสามารถสลับหน้าต่างระหว่าง View และ Design view ของ Table ได้โดยคลิกที่คำสั่ง View ที่เมนูบาร์เพื่อเลือกดู View หรือ Design view </span></div>jaahttp://www.blogger.com/profile/10263660018305759651noreply@blogger.com0tag:blogger.com,1999:blog-8522008391188285301.post-68871738866374115662008-09-04T00:42:00.000-07:002008-09-04T00:44:44.848-07:00คุณสมบัติของ (Field properties)<div align="justify">Field Size กำหนดว่าข้อมูลที่ต้องการเก็บเป็นข้อมูลประเภทใด (Data type) สามารถกำหนดขนาด ของข้อมูลเพื่อจองเนื้อที่ในฮาร์ดดิสต์ได้ 5 แบบ </div><div align="justify">New Value กำหนดค่าใหม่ของ AutoNumber<br />Format กำหนดรูปแบบข้อมูล เช่น รูปแบบของวันที่ จำนวนเงิน ซึ่งขึ้นกับข้อมูลใน Data Type<br />Input Mask กำหนดรูปแบบการป้อนค่าในฟิลด์ เช่น แบบ Phone/Fax no. เมื่อป้อนข้อมูลแล้วก็จะแสง รูปแบบตามที่กำหนดเป็น (02) 616-3516 ซึ่งใช้ได้เฉพาะฟิลด์ชนิด Text และ Date/Time เท่านั้น<br />Caption กำหนดคำหรือข้อความที่นำไปใช้ในการสร้างฟอร์ม โดยแสดงเป็นป้ายชื่อของฟิลด์ข้อมูล<br />Default value กำหนดค่าที่ป้อนอัตโนมัติใน record ใหม่เพื่อประหยัดเวลาในการพิมพ์ข้อมูล<br />Validation Rule กำหนดเงื่อนไขข้อมูลให้เป็นไปตามขอบเขตที่ต้องการ สามารถใช้ได้กับทุกฟิลด์ยกเว้น AutoNumber, OLE Object และ Lookup Wizard </div><div align="justify"><br />Validation Text กำหนดข้อความที่ให้แสดงในกรณีที่ป้อนข้อมูลไม่เป็นไปตามขอบเขตที่กำหนดใน Validation Rule<br />Required เลือกYesแสดงว่าต้องป้อนข้อมูลในฟิลด์ที่กำหนด เลือกNoแสดงว่าป้อนหรือไม่ป้อนก็ได้<br />Allow Zero Length อนุญาตให้ฟิลด์นั้นสามารถรับข้อมูลว่างได้ในกรณีที่เรากำหนดในฟิลด์นั้นมีคุณสมบัติ การ Required เป็น Yes แต่บางครั้งเรคอร์ดยังไม่มีข้อมูลในฟิลด์และเราต้องการขอผ่านไป ก่อน ซึ่งใช้ได้เฉพาะฟิลด์ที่กำหนดรูปแบบเป็น Text, Mono และHyperlink<br />Indexed ใช้ในการนำข้อมูลในฟิลด์นั้นเป็นดัชนีเพื่อช่วยในการค้นหาข้อมูลและจัดเรียงข้อมูลได้เร็ว ยิ่งขึ้น โดยมี options ให้เลือกดังนี้<br />No = ไม่มีการสร้างดัชนีหรือ Index<br />Yes (Duplicates OK) = ให้สร้างดัชนีโดยมีข้อมูลซ้ำกันได้<br />Yes (NO Duplicates) = ให้สร้างดัชนีโดยมีข้อมูลซ้ำกันไม่ได้<br />(หมายเหตุ: การมี Index จะทำให้การคีย์ข้อมูลและแก้ไขข้อมูลได้ช้าลงเล็กน้อย เพราะโปรแกรมจะต้องทำการ update ดัชนีตลอดเวลาที่มีการเพิ่มหรือแก้ไขข้อมูล ดังนั้นควรสร้างดัชนีเฉพาะฟิลด์ที่มีการจัดเรียงลำดับหรือใช้เฉพาะการค้นหาข้อมูลเท่านั้น)<br /></div>jaahttp://www.blogger.com/profile/10263660018305759651noreply@blogger.com0tag:blogger.com,1999:blog-8522008391188285301.post-21857278345962550682008-09-04T00:38:00.001-07:002008-09-04T00:42:06.091-07:00ประเภทของ Data Type<div align="justify"><span style="font-family:georgia;">Text เก็บข้อมูลทั้งตัวอักษรและตัวเลขที่ไม่ได้ใช้ในการคำนวณได้ยาวถึง 255 อักขระ<br />Memo เก็บข้อมูลเป็นข้อความยาวๆ ได้โดยจองเนื้อที่ของฮาร์ดดิสต์ได้ถึง 64,000 อักขระ<br />Number เก็บข้อมูลเป็นตัวเลขสำหรับการคำนวณทางคณิตศาสตร์<br />Date/time เก็บข้อมูลที่เป็นวันที่และเวลา<br />Currency เก็บข้อมูลที่เป็นค่าเงินเพื่อป้องกันการปัดเศษทิ้งในการคำนวณ<br />AutoNumber ให้ค่าตัวเลขลำดับที่ไม่ซ้ำกันโดยเพิ่มที่ละ 1<br />Yes/No เก็บข้อมูลชนิดตรรกะ ที่มีเพียง 2 ค่า ใช่/ไม่ใช่ ถูก/ผิด หรือ ปิด/เปิด<br />OLE Object เก็บวัตถุที่สร้างจากโปรแกรมอื่น เช่น ภาพ เอกสาร word ไฟล์เสียง โดยสามารถ<br />เชื่อมโยงหรือฝังตัวในตารางของ MS Access<br />Hyperlink เก็บข้อมูลที่ใช้เชื่อมโยงกับข้อมูลอื่นในเครือข่าย สามารถบรรจุข้อมูลได้ 64,000 อักขระ<br />Lookup Wizard เก็บข้อมูลให้สร้างรายงานจากตัวเลือกโดยดึงค่าจากตารางหรือจะกำหนดเอง </span></div>jaahttp://www.blogger.com/profile/10263660018305759651noreply@blogger.com0tag:blogger.com,1999:blog-8522008391188285301.post-150359861422279502008-09-04T00:30:00.000-07:002008-09-04T00:37:44.790-07:00การออกแบบฐานข้อมูลการออกแบบฐานข้อมูล ฐานข้อมูลประกอบด้วยองค์ประกอบหลัก 3 ประการ ดังนี้<br />1. Entity ได้แก่ สาระสำคัญในฐานข้อมูล เช่น หนังสือ ผู้ยืม เป็นต้น<br />2. Attribute ได้แก่ คุณสมบัติหรือส่วนประกอบของ Entity เช่น Attribute ของหนังสือ ได้แก่ ชื่อผู้แต่ง ชื่อเรื่อง เป็นต้น<br />3. Relationship ได้แก่ ความสัมพันธ์ระหว่าง Entity 2 Entityjaahttp://www.blogger.com/profile/10263660018305759651noreply@blogger.com1tag:blogger.com,1999:blog-8522008391188285301.post-72336595156233857872008-09-04T00:25:00.000-07:002008-09-04T00:26:22.960-07:00วิธีการใช้โปรแกรม Microsoft Access<div align="justify">ขั้นตอนที่1. เลือกโปรแกรม Microsoft Access<br /> <br />ขั้นตอนที่2.จะปรากฏที่หน้าจอดั้งนี้<br /><br />ขั้นตอนที่3.เลือกฐานข้อมูลเปล่า ตั้งชื่อแฟ้ม แล้วคลิกสร้าง จะปรากฏหน้าจอ<br /><br />ขั้นตอนที่4.เลือกตาราง และสร้างตารางในมุมมองออกแบบ จะปรากฏ<br /><br />ขั้นตอนที่5.ป้อนข้อมูลลงในชื่อเขตข้อมูลและชนิดข้อมูลกำหนดข้อมูลที่ต้องการให้เป็นPrimary key หลัก ตามที่ต้องการแล้วบันทึก จะได้ตารางที่ 1<br /><br />ขั้นตอนที่6.สร้างตารางที่ 2 ( Table 1 ) ตามขั้นตอนในการสร้างตารางที่ 1 แล้วบันทึก<br /> <br />ขั้นตอนที่7.สร้างตารางที่ 3 ( Table 2 ) ตามขั้นตอนในการสร้างตารางที่ 1 แล้วบันทึก<br /><br />ขั้นตอนที่8.สร้างแบบสอบถามในมุมมองออกแบบ โดยเข้าไปที่หน้าจอดังนี้<br /><br />ขั้นตอนที่9.สร้างแบบสอบถามโดยการระบุคุณสมบัติของตาราง/แบบสอบถามที่เป็นแหล่งข้อมูล ชื่อเขตข้อมูล ตัวกรอง และการเรียง/การจัดลำดับ จะได้ตารางดังนี้<br /><br />ขั้นตอนที่10.เมื่อปรากฏตารางดังขั้นตอนที่9. คลิกที่มุมมองออกแบบ แล้วกดตกลง จะปรากฏหน้าจอดังนี้<br /><br />ขั้นตอนที่11.เลือกทั้งสองอย่าง เมื่อ Table 1 ปรากฏ ให้ click เพิ่ม แล้ว click ที่ Table 2 click เพิ่ม ข้อมูลทั้ง 2 จะเชื่อมโยงกัน<br /><br />ขั้นตอนที่12. กำหนดเขตข้อมูล เงื่อนไขที่ต้องการในแบบสอบถาม กดบันทึก แล้วตั้งชื่อแบบสอบถาม จะปรากฏดังตารางต่อไปนี้<br /><br />ขั้นตอนที่13. ตารางแสดงผลลัพธ์ที่ได้<br /><br />ขั้นตอนที่14.เลือกฟอร์ม สร้าง Double click ที่สร้างฟอร์มในมุมมองออกแบบ Click ตัวช่วยสร้างฟอร์ม ตอบตกลง เลือกเขตข้อมูลที่ต้องการ เลือกตัวช่วยสร้างฟอร์ม<br /> <br />ขั้นตอนที่15. ผลลัพธ์ที่ได้จากการสร้างแบบฟอร์ม<br /><br />ขั้นตอนที่15.เลือกรายงาน สร้าง ตัวสร้างรายงาน ลงข้อมูลในเขตข้อมูลที่ต้องการ ทำตามขั้นตอนตัวช่วยสร้างรายงาน เมื่อสร้างเสร็จจะได้ดังภาพ<br /><br /> <br /><br /><br /><br /> </div>jaahttp://www.blogger.com/profile/10263660018305759651noreply@blogger.com0tag:blogger.com,1999:blog-8522008391188285301.post-72185868947244399312008-09-03T23:32:00.000-07:002008-09-03T23:38:00.149-07:00คำศัพท์ที่ควรทราบของระบบฐานข้อมูล<span style="font-size:130%;color:#3333ff;"><span style="font-size:100%;">ขอยกตัวอย่าง Database ที่แสดงรายชื่อพนักงานของบริษัทแห่งหนึ่ง<br />Field (ฟิลด์)หมายถึงรายละเอียดย่อย ๆ เช่น ชื่อ, เบอร์โทรศัพท์, เงินเดือนเป็นต้น<br />Record (เร็คคอร์ด)หมายถึง รายละเอียดหรือประวัติของบุคคลหนึ่ง ๆ ได้แก่ ชื่อ ที่อยู่ เบอร์โทรศัพท์ เงินเดือน (Record อาจประกอบด้วยหลาย ๆ Field)<br />Table (เทเบิล)หมายถึง รายละเอียดหรือประวัติของพนักงานทั้งบริษัท (Table อาจประกอบด้วยหลาย ๆ Record)<br />Relational Database (รีเรชั่นนอล ดาต้าเบส)หมายถึง Database ประเภทหนึ่ง ซึ่งแสดงความสัมพันธ์ระหว่าง Table</span> </span><div align="justify"><a href="https://blogger.googleusercontent.com/img/b/R29vZ2xl/AVvXsEjviyu07nSOoEwsItHfk4kwkeDTzdAh_Y77Kdc-N5cG65SxoJm-260knh8FnuwdLIQLYRnLsG7GfPf-IpJE-nBB6SlWat5bS22Mq9nY0MOu97zrcan_IphdNNuSQYr-bR5pPICQpMc8wU_U/s1600-h/msacc1.gif"><span style="color:#3333ff;"><img id="BLOGGER_PHOTO_ID_5242050809480112130" style="FLOAT: left; MARGIN: 0px 10px 10px 0px; CURSOR: hand" alt="" src="https://blogger.googleusercontent.com/img/b/R29vZ2xl/AVvXsEjviyu07nSOoEwsItHfk4kwkeDTzdAh_Y77Kdc-N5cG65SxoJm-260knh8FnuwdLIQLYRnLsG7GfPf-IpJE-nBB6SlWat5bS22Mq9nY0MOu97zrcan_IphdNNuSQYr-bR5pPICQpMc8wU_U/s200/msacc1.gif" border="0" /></span></a></div>jaahttp://www.blogger.com/profile/10263660018305759651noreply@blogger.com0tag:blogger.com,1999:blog-8522008391188285301.post-5936865656023558392008-09-02T02:16:00.001-07:002008-09-02T02:16:50.680-07:00สร้าง Database ใหม่<div align="justify"> สิ่งที่ทำให้ Access ต่างจากโปรแกรมอื่น ๆ ในชุด Office ก็คือการใช้งาน Access นับตั้งแต่การสร้าง Database ใหม่นั้นจะต้องมีการวางแผนล่วงหน้าพอสมควรว่าจะให้มีส่วนประกอบย่อย ๆ ใดบ้าง โดยเฉพาะอย่างยิ่ง ตาราง ซึ่งใช้เก็บข้อมูลจริงว่าจะมีอะไรบ้างและสัมพันธ์กันอย่างไร ไม่ใช่ค่อย ๆ เขียนไปทำไป หรือค่อย ๆ ป้อนข้อมูลอย่างใน Word หรือ Excel ขั้นตอนโดยสังเขปในการสร้าง Database ใหม่สรุปได้ดังนี้<br /><br />1. วางแผนว่าจะมีตารางอะไรบ้าง เก็บข้อมูลประเภทใด มีรายละเอียดอย่างไร และมีความสัมพันธ์กันอย่างไรใน Database ใหม่นี้<br />2. ลงมือสร้าง database ใหม่ที่ว่าง ๆ ขึ้นมา<br />3. สร้างตารางย่อยต่าง ๆ<br />4. กำหนดความสัมพันธ์ระหว่างตารางเหล่านั้น<br />5. สร้างส่วนประกอบอื่น ๆ เพิ่มเติมตามที่จำเป็น เช่น แบบสอบถาม (Query) แบบฟอร์ม (Form) รายงาน (Report) ซึ่งตรงนี้ค่อยทำไปเรื่อย ๆ ได้<br /><br /> จากขั้นตอนข้างต้น จะเห็นได้ว่าตัวหลักก็คือ ฐานข้อมูล (Database) และตาราง (Table) สำหรับแนวคิดในการสร้างตารางว่าจะมีหน้าตาอย่างไร มีข้อมูลอะไรบ้าง การสร้าง Database อาจทำได้ 2 ลักษณะ คือ สร้าง Database ว่าง ๆ ขึ้นมาก่อน โดยใช้คำสั่งของ Access หรือสร้าง Database พร้อมกับตารางที่เกี่ยวข้องโดยอัตโนมัติจากแบบที่ Access เตรียมไว้ให้แล้ว โดยใช้ตัวช่วยเหลือที่เรียกว่า Database Wizard แต่ในเอกสารฉบับนี้จะกล่าวถึงเฉพาะวิธีแรกเท่านั้น เมื่อผู้เขียนเกิดทักษะในการเขียนโปรแกรมแล้วการศึกษาเพิ่มเติมก็เป็นสิ่งที่ไม่ยากมากนัก</div>jaahttp://www.blogger.com/profile/10263660018305759651noreply@blogger.com0tag:blogger.com,1999:blog-8522008391188285301.post-35317289433527500732008-09-01T21:59:00.000-07:002008-09-02T00:40:30.983-07:00ความของ Tool<a href="https://blogger.googleusercontent.com/img/b/R29vZ2xl/AVvXsEhKKRf6sDw66LPXDVnuT-t9vHRHEhgr-MhTLechJHIQ7b6QGLnsO0GhU3OUnu_JnTbV9JLCiWinibSNru_uVYKDwY0qQse0IttYIpQ69Bbw12QqcHUxGRt0C-qKF7vK17tpJSylc1LdjeSi/s1600-h/tool1.jpg"><img id="BLOGGER_PHOTO_ID_5241285166432303810" style="FLOAT: left; MARGIN: 0px 10px 10px 0px; CURSOR: hand" alt="" src="https://blogger.googleusercontent.com/img/b/R29vZ2xl/AVvXsEhKKRf6sDw66LPXDVnuT-t9vHRHEhgr-MhTLechJHIQ7b6QGLnsO0GhU3OUnu_JnTbV9JLCiWinibSNru_uVYKDwY0qQse0IttYIpQ69Bbw12QqcHUxGRt0C-qKF7vK17tpJSylc1LdjeSi/s200/tool1.jpg" border="0" /></a> <span style="color:#33ccff;">สร้างไฟล์ฐานข้อมูลใหม่<br /></span><br /><a href="https://blogger.googleusercontent.com/img/b/R29vZ2xl/AVvXsEgRydqMXBzIO7g8vwDdqPUthX6yBfnhQ17kWpyPt3qSvwVRjhDUpupZ5-LHB5teLUNeaogxBdZ9Iex0Eo-GurKFMUOQXeTDVZttG_9S7FiWQro4ZZGzkRnGbXrcgBoihBIb_57ngztAZAaC/s1600-h/tool2.jpg"><span style="color:#3366ff;"><img id="BLOGGER_PHOTO_ID_5241285849566021986" style="FLOAT: left; MARGIN: 0px 10px 10px 0px; CURSOR: hand" alt="" src="https://blogger.googleusercontent.com/img/b/R29vZ2xl/AVvXsEgRydqMXBzIO7g8vwDdqPUthX6yBfnhQ17kWpyPt3qSvwVRjhDUpupZ5-LHB5teLUNeaogxBdZ9Iex0Eo-GurKFMUOQXeTDVZttG_9S7FiWQro4ZZGzkRnGbXrcgBoihBIb_57ngztAZAaC/s200/tool2.jpg" border="0" /></span></a><span style="color:#3366ff;">เปิดไฟล์ฐานข้อมูลที่มีอยู่เดิม<br /></span><br /><div><a href="https://blogger.googleusercontent.com/img/b/R29vZ2xl/AVvXsEhRR80Ff3vljHo24he_k9LAfZdvkTY1cVNd5XP7fLSqwHJXelGCKeFkMNeEcvRpnCXYRTAsdkfRj7gskaCGQFUCFx-x47Oh798jacENYTDobekxjhaEJJ6LHsqzJUiqxOcPtP_qMG1jCmGe/s1600-h/tool3.jpg"><span style="color:#3333ff;"><img id="BLOGGER_PHOTO_ID_5241286413288622594" style="FLOAT: left; MARGIN: 0px 10px 10px 0px; CURSOR: hand" alt="" src="https://blogger.googleusercontent.com/img/b/R29vZ2xl/AVvXsEhRR80Ff3vljHo24he_k9LAfZdvkTY1cVNd5XP7fLSqwHJXelGCKeFkMNeEcvRpnCXYRTAsdkfRj7gskaCGQFUCFx-x47Oh798jacENYTDobekxjhaEJJ6LHsqzJUiqxOcPtP_qMG1jCmGe/s200/tool3.jpg" border="0" /></span></a><span style="color:#3333ff;">เก็บบันทึกข้อมูล </span></div><div></div><div></div><div></div><div></div><div><br /><a href="https://blogger.googleusercontent.com/img/b/R29vZ2xl/AVvXsEhJHRkEBqdP-lJJyUHf7OB8Yfjr4N3v8_TKqFtMskaqqBghBn3LB_Klt8p1Xw2XyfcS_jWYa_22ASF8NkhQXWC__3TN8-Kg1PwiGJB9tKYWZSaJZ8nLfznQrrbeuFDHv6W7d1hq_MMeTc3D/s1600-h/tool4.jpg"><span style="color:#000099;"><img id="BLOGGER_PHOTO_ID_5241286551971065138" style="FLOAT: left; MARGIN: 0px 10px 10px 0px; CURSOR: hand" alt="" src="https://blogger.googleusercontent.com/img/b/R29vZ2xl/AVvXsEhJHRkEBqdP-lJJyUHf7OB8Yfjr4N3v8_TKqFtMskaqqBghBn3LB_Klt8p1Xw2XyfcS_jWYa_22ASF8NkhQXWC__3TN8-Kg1PwiGJB9tKYWZSaJZ8nLfznQrrbeuFDHv6W7d1hq_MMeTc3D/s200/tool4.jpg" border="0" /></span></a><span style="color:#000099;">พิมพ์ </span></div><div></div><div></div><div></div><div></div><br /><div><a href="https://blogger.googleusercontent.com/img/b/R29vZ2xl/AVvXsEgAYZJZ1uioGi1fx8oxb2xAYnqNjg4OnP7QfsEzgCnijUWODzdXd525nOZo3f181GTTf2aFZb-zPtEoXIGnDwdTTIJE8Fe2yc_aZ7M_X5u8IBbnuMdBWvNYlFt-FhgTdYoVYupXDWVmHofD/s1600-h/tool5.jpg"><span style="color:#6666cc;"><img id="BLOGGER_PHOTO_ID_5241286794627242706" style="FLOAT: left; MARGIN: 0px 10px 10px 0px; CURSOR: hand" alt="" src="https://blogger.googleusercontent.com/img/b/R29vZ2xl/AVvXsEgAYZJZ1uioGi1fx8oxb2xAYnqNjg4OnP7QfsEzgCnijUWODzdXd525nOZo3f181GTTf2aFZb-zPtEoXIGnDwdTTIJE8Fe2yc_aZ7M_X5u8IBbnuMdBWvNYlFt-FhgTdYoVYupXDWVmHofD/s200/tool5.jpg" border="0" /></span></a><span style="color:#6666cc;">ดูตัวอย่างก่อนพิมพ์จริง </span></div><div></div><div></div><div></div><div></div><br /><div><a href="https://blogger.googleusercontent.com/img/b/R29vZ2xl/AVvXsEjqypXow_ZfBryuuRFt_zDVEgEs8Vt9UMu2LhC0mwAgoo3lLILjR1yuR5cGL9-ZEPzs-Du1qoM8F4PYzszjlgVAFaJhubPjbacCKRNiI0hzO8JfQA02OsepoVea4mjHZD_xLfdCooRzo_At/s1600-h/tool14.jpg"><span style="color:#6633ff;"><img id="BLOGGER_PHOTO_ID_5241299288950232498" style="FLOAT: left; MARGIN: 0px 10px 10px 0px; CURSOR: hand" alt="" src="https://blogger.googleusercontent.com/img/b/R29vZ2xl/AVvXsEjqypXow_ZfBryuuRFt_zDVEgEs8Vt9UMu2LhC0mwAgoo3lLILjR1yuR5cGL9-ZEPzs-Du1qoM8F4PYzszjlgVAFaJhubPjbacCKRNiI0hzO8JfQA02OsepoVea4mjHZD_xLfdCooRzo_At/s200/tool14.jpg" border="0" /></span></a><span style="color:#6633ff;">เชื่อมโยงกับโปรแกรมอื่น ๆ </span></div><div></div><div></div><div></div><div></div><br /><div><a href="https://blogger.googleusercontent.com/img/b/R29vZ2xl/AVvXsEgOuU9r52-s70dGkDv8MWY_cTL5YVfppvv8wqETsD6jMAgxHgijISWGsK9rk9-_KaCPB9lbhgmUUrkHIbTUSrfFQfKB6uASl1waRvoE044fiGMRZDOxYJ3Kz9PHC-8ipD1FYunSkJnj1sPl/s1600-h/tool15.jpg"><img id="BLOGGER_PHOTO_ID_5241303703486420866" style="FLOAT: left; MARGIN: 0px 10px 10px 0px; CURSOR: hand" alt="" src="https://blogger.googleusercontent.com/img/b/R29vZ2xl/AVvXsEgOuU9r52-s70dGkDv8MWY_cTL5YVfppvv8wqETsD6jMAgxHgijISWGsK9rk9-_KaCPB9lbhgmUUrkHIbTUSrfFQfKB6uASl1waRvoE044fiGMRZDOxYJ3Kz9PHC-8ipD1FYunSkJnj1sPl/s200/tool15.jpg" border="0" /></a></div><div><span style="color:#6600cc;">วิเคราะห์ </span></div><div></div>jaahttp://www.blogger.com/profile/10263660018305759651noreply@blogger.com0tag:blogger.com,1999:blog-8522008391188285301.post-15932321753175036302008-09-01T21:55:00.000-07:002008-09-01T21:58:49.386-07:00แถบเครื่องมือ Databaseใน Access จะมีแถบเครื่องมือหลายชุด และแถบเครื่องมือที่แสดงแต่ละขณะจะขึ้นอยู่กับว่าวินโดวส์ของส่วนประกอบชนิดใดถูกเลือกใช้งานอยู่ เช่น ถ้าเลือกวินโดวส์ของ Database จะปรากฎแถบเครื่อง Database ถ้าเลือกวินโดวส์ของตาราง หรือ Table ก็จะปรากฎ แต่แถบเครื่องมือของ Table เท่านั้น เป็นต้น<br /><br /><span style="font-size:130%;color:#9999ff;">แถบเครื่องมือ Database มีปุ่มต่าง ๆ ซึ่งใช้งานดังนี้</span><br /><br /><p align="left"><img id="BLOGGER_PHOTO_ID_5241283722643916610" style="DISPLAY: block; MARGIN: 0px auto 10px; WIDTH: 440px; CURSOR: hand; HEIGHT: 31px; TEXT-ALIGN: center" height="13" alt="" src="https://blogger.googleusercontent.com/img/b/R29vZ2xl/AVvXsEiNuzFwYoARD37aLxVO-lREmFUtZiLn9oIfbYrLZHL0r2QeLPN4Q3-kmbEqrNIBqBu6ml9uO-yilip5-PPIROsDKQ8AGPaAakFy95y9RbvazV6jwRq_NdioaSfx4h5GCi_u0bmO0HzikCj4/s320/tooldatabase.jpg" width="438" border="0" /></p>jaahttp://www.blogger.com/profile/10263660018305759651noreply@blogger.com0tag:blogger.com,1999:blog-8522008391188285301.post-55856650390510556532008-09-01T21:01:00.000-07:002008-09-01T23:29:07.266-07:00<div align="justify"><span style="font-family:courier new;"><strong><span style="color:#3333ff;">เมื่อเปิดใช้ database จะปรากฎ database windows มี tab 6 tab ให้เลือกใช้ดังรูป<br /></span></strong><br /><span style="font-size:85%;">1.Tables เพื่อใช้ในการสร้างตารางเพื่อจัดเก็บข้อมูล มีการจัดการในรูปคล้ายกับ Spreadsheet ส่วน Column เทียบได้กับ Field Row เทียบได้กับ Records<br />2.Queries เป็นส่วนที่จัดการข้อมูลจากตารางที่มีอยู่ เช่นการเลือกแสดงผลเฉพาะบาง Field ที่ต้องการ หรือการกรอกข้อมูลเพื่อแสดงเฉพาะ Record ที่กำหนด Criteria<br />3.Forms (แบบฟอร์ม) เพื่อใช้สร้างฟอร์มในการบันทึกข้อมูลแทนการป้อนข้อมูลจากตารางโดยตรง อาจจะใช้แสดงผลข้อมูลที่ต้องการแทนการเลือกจาก Queries หรืออาจใช้สร้างเป็นเมนู โดยทั่วไปแล้วยังเป็นส่วนช่วยเพิ่มสีสันให้กับฐานข้อมูลของลักษณะการทำงานกับจอภาพ เพิ่มความสะดวกให้กับผู้ใช้งาน<br />4.Report (รายงาน) ใช้ในการสร้างรายงานที่ต้องการพิมพ์ออกทางเครื่องพิมพ์<br />5.Macros (มาโคร) เป็นส่วนที่เก็บคำสั่งสำเร็จในรูปของ macro เมื่อต้องการสร้างโปรแกรมอัตโนมัติ<br />6.Module (โมดูล) เป็นส่วนที่เก็บชุดคำสั่งในรูปของภาษา Access Basic Code เมื่อต้องการสร้างโปรแกรมสำเร็จรูป เช่นกัน แต่มีความซับซ้อนและมีชุดคำสั่งมากขึ้น</span></span></div>jaahttp://www.blogger.com/profile/10263660018305759651noreply@blogger.com0tag:blogger.com,1999:blog-8522008391188285301.post-6647385106021684582008-09-01T20:59:00.000-07:002008-09-01T21:00:50.998-07:00วิธีการใช้โปรแกรม<strong><span style="color:#6600cc;">วิธีเปิดโปรแกรม Microsoft Access</span></strong><br /><span style="font-family:courier new;">1. คลิกเมาส์เริ่มต้นที่ปุ่ม Start<br /><br />2. เลื่อนเมาส์ขึ้นไปที่ไอคอน Program<br /><br />3. เลื่อนเมาส์ไปที่ไอคอน Office<br /><br />4. เลื่อนเมาส์ไปที่ไอคอน Microsoft Access แล้วคลิก 1 ครั้ง</span>jaahttp://www.blogger.com/profile/10263660018305759651noreply@blogger.com0tag:blogger.com,1999:blog-8522008391188285301.post-87075202997641184542008-09-01T20:57:00.001-07:002008-09-01T20:57:53.038-07:00แนวทางการวิเคราะห์ระบบก่อนจัดทำฐานข้อมูล<span style="font-family:courier new;"><strong><span style="color:#663300;">ควรวิเคราะห์ข้อมูลเบื้องต้น โดยอาจทดลองถามคำถามกับตัวเองดังนี้ คือ</span><br /></strong>1. ข้อมูลอะไรที่เราต้องการเรียกใช้จากฐานข้อมูล<br />2. หัวเรื่องอะไรที่เราต้องการใส่ลงในฐานข้อมูล<br />3. แต่ละหัวเรื่องมีความสัมพันธ์กันอย่างไร<br />4. ข้อมูลประเภทใดที่จะใส่ลงในแต่ละหัวเรื่อง<br /> </span>jaahttp://www.blogger.com/profile/10263660018305759651noreply@blogger.com0tag:blogger.com,1999:blog-8522008391188285301.post-84636333634436926222008-09-01T20:53:00.000-07:002008-09-01T20:55:18.987-07:00หลักการจัดทำฐานข้อมูล<span style="font-family:courier new;"><span style="font-size:130%;"><strong><span style="color:#6633ff;">การจัดฐานข้อมูลที่ดี<br /></span></strong><br /></span>1. ต้องมีระเบียบและง่ายต่อการจัดการ ส่วนการนำคอมพิวเตอร์มาใช้กับฐานข้อมูล ช่วยทำให้เพิ่มความเร็วในการค้นหาข้อมูล และจัดเก็บข้อมูลได้มาก<br />2. ต้องมีการวางแผนที่ดีและต้องทราบวัตถุประสงค์ของการใช้งาน มีข้อมูลอะไรบ้างที่ต้องการบันทึกเอาไว้ในระบบคอมพิวเตอร์</span>jaahttp://www.blogger.com/profile/10263660018305759651noreply@blogger.com0tag:blogger.com,1999:blog-8522008391188285301.post-79361093501768475172008-09-01T20:49:00.000-07:002008-09-01T20:51:23.418-07:00ความหมาย<span style="font-family:courier new;"><span style="color:#3333ff;"> <strong> ข้อมูล :</strong><br /></span> หมายถึง ข้อมูลดิบซึ่งเกิดจากเหตุการณ์ ข้อเท็จจริงต่าง ๆ ที่เกิดขึ้น อาจเป็นตัวเลข ข้อความ รูปภาพ และเสียง เป็นข้อมูลยังไม่ผ่านกระบวนการจัดทำหรือประมวลผลข้อมูล<br /><br /> <span style="color:#993399;"> <strong>ฐานข้อมูล :</strong></span><br /> หมายถึง แหล่งที่ใช้สำหรับเก็บรวบรวมข้อมูล (Data Collection) หรือแฟ้มข้อมูลที่ถูกจัดเก็บไว้ในระบบคอมพิวเตอร์ โดยที่ข้อมูลเหล่านั้นต้องมีความสัมพันธ์ซึ่งกันและกัน สามารถสืบค้นได้ (Retrieval) สามารถแก้ไขข้อมูลได้ (Modified) สามารถปรับปรุงเปลี่ยนแปลงโครงสร้างข้อมูลได้ (Update) หรือจัดเรียงได้ (Sort) โดยมีโปรแกรมที่ใช้ในการจัดระบบฐานข้อมูลเป็นส่วนที่รับผิดชอบจัดการฐานข้อมูล (Database Management System : DBMS)<br /><br /><span style="color:#993300;"><strong> ระบบฐานข้อมูล :</strong></span><br /> หมายถึง การพัฒนาแฟ้มข้อมูล โดยการรวบรวมแฟ้มข้อมูลหลาย ๆ แฟ้มข้อมูลเข้าด้วยกัน มีการขจัดความซ้ำซ้อนของข้อมูลออก และเก็บแฟ้มข้อมูลเหล่านี้ไว้ที่ศูนย์กลาง เพื่อการใช้งานและควบคุมดูแลรักษาร่วมกัน เมื่อต้องการใช้งานและเป็นผู้มีสิทธิที่จะใช้ข้อมูลเท่านั้น ที่สามารถดึงข้อมูลที่ต้องการออกไปใช้ได้ ข้อมูลบางส่วนอาจใช้ร่วมกัน ผู้อื่นได้ แต่บางส่วนผู้มีสิทธิเท่านั้นจึงจะสามารถใช้ได้</span>jaahttp://www.blogger.com/profile/10263660018305759651noreply@blogger.com2